การวิจัย
ประสิทธิภาพ
ในปี 2012 CHANEL ได้ริเริ่มโปรแกรมวิจัยที่มุ่งเน้นศึกษากลไกการเกิดริ้วรอยแห่งวัยของผิว โดยร่วมมือกับศาสตราจารย์ Grillari ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในด้านนี้โดยเฉพาะจาก University of Vienna
โปรแกรมวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ผิวหน้าของผู้หญิงจากทั่วโลกกว่า 6,000 คน และใช้ภาพผิวหนังจำลองทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เพื่อสำรวจสัญญาณความร่วงโรยแห่งวัย ทีมวิจัย CHANEL ได้ทำการทดสอบส่วนผสมหลักอันทรงพลังในการลดเลือนสัญญาณความร่วงโรยอย่างครอบคลุม จนกระทั่งได้พบกับประสิทธิภาพของสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงที่มุ่งดูแลผิวที่มีริ้วรอยแห่งวัยตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงช่วยให้ความแข็งแรงของผิวเพิ่มขึ้น 67%(1)
ผลิตภัณฑ์ (2) ในกลุ่ม N°1 DE CHANEL ซึ่งมีสารสกัดนี้เป็นส่วนประกอบ ช่วยป้องกันและลดเลือนสัญญาณของความร่วงโรยแห่งวัยทั้ง 5 ประการ เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง ริ้วรอยจะดูลดเลือนลง ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และผิวรู้สึกสบายขึ้น รูขุมขนดูกระชับ ผิวเปล่งประกายความอ่อนเยาว์
(1) ทดสอบแบบ In Vitro Test โดยวัดจากตัวบ่งชี้ที่มีการแสดงออกอย่างจำเพาะเจาะจง ทั้งในเซลล์ที่ได้รับและไม่ได้รับการทรีทด้วยสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดง
(2) ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ยกเว้นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว POWDER-TO-FOAM CLEANSER
-
ผิวหน้าของผู้หญิง คน ศึกษาโดยทีมวิจัย CHANEL
พลังของดอกคามิลเลียสีแดง
พบกับสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงสายพันธุ์ ‘เดอะซาร์’ ผลลัพธ์จากการมุ่งวิจัยดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของ CHANEL มาเป็นเวลานานถึง 17 ปี
สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงอุดมไปด้วยกรดโปรโตคาเทชูอิก โมเลกุลในกลุ่มสารโพลีฟีนอลที่มีคุณบัติแอนตี้ออกซิแดนท์
-
สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผิวเพิ่มขึ้น
(1) ทดสอบแบบ In Vitro Test โดยวัดจากตัวบ่งชี้ที่มีการแสดงออกอย่างจำเพาะเจาะจง ทั้งในเซลล์ที่ได้รับและไม่ได้รับการทรีทด้วยสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดง
ความแตกต่างของ N°1 DE CHANEL
สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดง ส่วนผสมอันเป็นหัวใจของกลุ่มผลิตภัณฑ์ N°1 DE CHANEL มีคุณสมบัติในการฟื้นคืนชีวิตชีวาให้กับผิว โดยป้องกันและลดเลือนสัญญาณแห่งความร่วงโรยแห่งวัยทั้ง 5 ประการ
ทันทีหลังใช้ผลิตภัณฑ์ ผิวรู้สึกสุขภาพดีขึ้น (+30%(1)) และได้รับการปกป้องจากปัจจัยคุกคามภายนอกมากขึ้น (+32%(1))
-
ริ้วรอยลดเลือนลง
-
ความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น
(1) การประเมินตนเองของผู้หญิง 78 คน ทันทีหลังใช้ผลิตภัณฑ์
(2) การประเมินเชิงคลินิกในผู้หญิง 29 คน หนึ่งเดือนหลังใช้ผลิตภัณฑ์
ผลลัพธ์ที่ช่วยฟื้นคืนชีวิตชีวาให้กับผิวของดอกคามิลเลียสีแดง
ในระหว่างการทดสอบดอกคามิลเลียสีแดง ทีมวิจัย CHANEL ได้ศึกษาตัวบ่งชี้ที่สำคัญ 3 ประการที่ทำให้ผิวร่วงโรย:
- CDK1 และ Lamin B1 ซึ่งเชื่อมโยงกับความแข็งแรงของผิว และ MMP1 ตัวบ่งชี้ความชราของผิวในระยะแรกเริ่ม ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน เมื่อทดสอบแบบ In Vitro Test กับผิวที่มีความเครียด ตัวบ่งชี้เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงช่วยรักษาความแข็งแรงของผิว
เมื่อใช้สารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดงกับผิวที่ได้รับความเครียด:
การแสดงออกของโปรตีน Lamin B1 ที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ว่าเซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น 67%(1)
การแสดงออกของโปรตีน CDK1 ที่เพิ่มขึ้น (+40%(1)) บ่งชี้ว่ารูปร่างลักษณะของเซลล์ดูดีขึ้น
การแสดงออกของโปรตีน MMP1 ที่ลดลง (-127%(1)) บ่งชี้ว่าคอลลาเจนและอีลาสตินเสียหายน้อยลง
ความชราของเซลล์ในระยะแรกเริ่มถูกยับยั้ง
(1) ทดสอบแบบ In Vitro Test โดยวัดจากตัวบ่งชี้ที่มีการแสดงออกอย่างจำเพาะเจาะจง ทั้งในเซลล์ที่ได้รับและไม่ได้รับการทรีทด้วยสารสกัดจากดอกคามิลเลียสีแดง
โกฌักค์ สถานที่แห่งการสำรวจ
ในปี 1998 CHANEL ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการกลางแจ้งในเมืองโกฌักค์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส และอุทิศให้กับการศึกษาวิจัยดอกคามิลเลียหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลก
ศูนย์ปฏิบัติการกลางแจ้งของ CHANEL ในโกฌักค์มีพื้นที่กว่า 40 เฮกตาร์ที่อุทิศให้กับดอกคามิลเลียเป็นหลักเพื่อวิจัยและศึกษาดอกคามิลเลียหลากสายพันธุ์ ดำเนินงานตามหลักเกษตรเชิงนิเวศและวนเกษตรเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น
ทีมวิจัยในโกฌักค์ทำการวิจัยดอกคามิลเลียในระบบนิเวศซึ่งเป็นสภาวะพิเศษสำหรับการสังเกต ศึกษา และสร้างสรรค์สิ่งใหม่
สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมที่ซึ่งส่วนผสมจำนวนมากก่อกำเนิดขึ้นจากดอกไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่ออยล์ เซราไมด์ น้ำ สารสกัดจากยีสต์ และสารสกัดอื่นๆ ทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งทีมวิจัยได้ค้นพบบทบาทสำคัญของดอกคามิลเลียในการมุ่งจัดการกับความชราภาพ กลไกหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความร่วงโรยของผิว
ศูนย์กลางของการวิจัยในการทำฟาร์มเชิงทดลอง ที่นำความเป็นไปได้ใหม่ๆ มาสู่แวดวงความงาม