ธรรมเนียมดั่งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษผสมผสานกลมกลืนเข้ากับผลงานการสร้างสรรค์แนวร่วมสมัย จนเกิดเป็นความมหัศจรรย์ของผลงานการปักประดับของ Montex ลวดลายอันล้ำค่า ทันสมัย และมีระดับ รังสรรค์ขึ้นจากการใช้เข็มปักผ้า เข็มถักโครเชของลูเนวิลล์ หรือเครื่องปักคอร์เนลีอายุนับศตวรรษที่ต้องใช้มือประคองขณะเย็บ ชิ้นงานอันแสนประณีตเหล่านี้ทำให้คอลเลคชั่นของ CHANEL เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง Montex เข้าร่วมกับเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 2011

เริ่มจากขั้นตอนการทำโครงรองเท้าไปจนถึงการเย็บตัวรองเท้าเข้ากับพื้นรองเท้า ผลงานที่ Massaro รังสรรค์สำหรับ CHANEL ทำขึ้นด้วยมือทั้งหมดเพื่อความสง่างามและความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ การร่วมงานกันของ CHANEL และสตูดิโอ Massaro เริ่มต้นขึ้นในปี 1957 เพื่อเนรมิตรองเท้าทูโทนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gabrielle Chanel และเรื่อยมานับจากนั้นสำหรับโชว์ครั้งต่างๆ ของแบรนด์ Massaro เข้าร่วมกับเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 2002

การทำงานที่แม่นยำ ฝีมืออันประณีต สัดส่วนที่พอดิบพอดี ทำให้ทุกชิ้นงานสมบูรณ์แบบ เทคนิคอันช่ำชองของ Robert Goossen พัฒนาขึ้นจากการผสานศาสตร์การแกะสลักกับการทำทอง ตั้งแต่ปี 1954 เมื่อเขาร่วมกับ Gabrielle Chanel รังสรรค์เครื่องประดับในสไตล์ไบแซนไทน์ขึ้นใหม่อีกครั้ง และต่อมาเมื่อเขาได้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์บางส่วนสำหรับอพาร์ตเมนต์ของเธอ ณ อาคารเลขที่ 31 ถนนกัมบง สตูดิโอ Goossens สืบสานมรดกของผู้ก่อตั้งและยังคงนำจินตนาการของ CHANEL มารังสรรค์ให้เป็นจริงเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ สตูดิโอ Goossens เข้าร่วมกับเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 2005

ตั้งแต่ยุค 60 ดอกคามิลเลียซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ CHANEL ได้รับการประกอบขึ้นด้วยมือทีละกลีบเช่นเดียวกับเครื่องประดับดอกไม้ทั้งหมดของ Lemarié ภายในพื้นที่ปฏิบัติการแบบปราศจากลมของ le19M การนำขนนกจำนวนมากมาค่อยๆ จัดเรียงทีละอัน จากนั้นจึงหวี ดัดให้งอนหรือทำให้เรียบ ก่อนจะติดรวมกันหรือถักทอเข้าด้วยกัน Lemarié เป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของ CHANEL ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคอลเลคชั่น นอกจากนี้สตูดิโอ Lemarié ยังเชี่ยวชาญในการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบกูตูร์ รวมถึงการสร้างสรรค์งานสลักลาย จีบระบาย การสม็อก และพลีทได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย Lemarié เข้าร่วมกับเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 1996

Maison Michel สตูดิโอที่สืบสานทักษะการรังสรรค์งานฝีมือขั้นสูงในปารีสมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ได้เก็บรักษาและถ่ายทอดความลับในการทำหมวกตลอดมา ณ เวิร์กช้อปของสตูดิโอที่อาคาร 19M ไม่ว่าจะเป็นหมวกแก๊ปหรือหมวกปีกกว้างต่างบรรจงทำขึ้นด้วยมือโดยใช้บล็อกไม้ไลม์วู้ด ก่อนจะนำไปตกแต่งด้วยแถบเปีย ดอกไม้ ขนนก และเครื่องประดับอื่นๆ โดยช่างทำหมวกของแบรนด์ Maison Michel เข้าร่วมกับเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 1997 ตั้งแต่หมวกทรงโบตเตอร์ ผ้าคลุมหน้า หมวกแก๊ป ไปจนถึงหมวกเบเรต์ ต่างได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์และกลายเป็นแอคเซสเซอรี่ชิ้นสำคัญสำหรับทุกคอลเลคชั่น

ตำนานแห่งการสร้างสรรค์ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกับนักออกแบบผู้ยิ่งใหญ่ระดับกูตูร์ ดีไซน์และลวดลายงานปักอันหรูหราจาก Lesage ที่เริ่มมีการออกแบบผ้าทวีดอันเป็นที่รักของ CHANEL ขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ปี 1996 ด้วยการผสมผสานกับเส้นด้ายขนสัตว์จนกลายเป็นวัสดุแปลกใหม่โดยไม่คาดคิด Lesage เป็นพาร์ทเนอร์ของ CHANEL มาตั้งแต่ปี 1983 และเข้าร่วมกับสตูดิโอเมติเยร์ดาร์ทมาตั้งแต่ปี 2002 แล้วจึงสานต่อกับการสร้างสรรค์ผลงานแห่งความสำเร็จนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายใต้การผลักดันของ Virginie Viard ณ อาคาร le19M ได้มีการรวบรวมผลงานจากอาเตอลิเยร์ของ Lesage รวมถึงคอลเลคชั่นตัวอย่างและโรงเรียนสอนตัดเย็บที่จะนำความลับในการรังสรรค์อันเกิดจากทักษะงานฝีมือขั้นสูงที่สั่งสมมาส่งต่อสู่คนรุ่นหลัง

อาเตอลิเยร์ Lognon มีแม่พิมพ์กระดาษทำมือสำหรับอัดพลีททั้งสิ้นกว่า 3,000 แพทเทิร์น ไม่ว่าจะเป็นลายมีด ลายแบน ลายซันเรย์ ลายวาโต หรือลายนกยูง ที่ดูราวกับศิลปะการพับกระดาษแบบโอริกามิ บางชิ้นมีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี ในขณะที่บางชิ้นช่างฝีมือของ Lognon ได้ขวนขวายในการคิดค้นและรังสรรค์ลวดลายพลีทขึ้นใหม่อยู่เสมอ สำหรับสตูดิโอสร้างสรรค์ผลงานของ CHANEL โดยเฉพาะ การขึ้นรูปและออกแบบการเคลื่อนไหวให้กับผ้าหลายชนิดได้ขนาดนี้นับเป็นทักษะขั้นสูง การทำงานของช่างสองคนที่ประสานจังหวะกันโดยสมบูรณ์ ต้องใช้ทั้งพละกำลัง ความพิถีพิถัน ประสบการณ์ในการสัมผัส และความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสิ่งทอโดยเฉพาะ Lognon ได้เข้าร่วมกับ Lemarié และเมติเยร์ดาร์ทของ CHANEL ในปี 2013